วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ยุทธศาสตร์การปฏิรูปการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ

ยุทธศาสตร์การปฏิรูปการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ
ระยะ
5 ปี (พ.ศ.2556-2561)


1. ปรับวิธีเรียนเปลี่ยนวิธีสอน
- ปรับจากการสอนภาษาอังกฤษที่เน้นไวยากรณ์ เป็นการสอนที่เน้นการสื่อสาร (Communicative Language Approach – CLA)
- เพิ่มกิจกรรมการอ่าน (Extensive Reading)
- จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่กระตุ้นความสนใจให้หลากหลาย
- ออกแบบหลักสูตรที่เหมาะสมกับความพร้อมและความแตกต่างของโรงเรียน

2. พัฒนาครู
- ฝึกอบรมครู (Teaching Training) ระดับประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา
- ฝึกอบรมเพื่อพัฒนาวิชาชีพครู (Professional Development – PD)
- พัฒนาระบบติดตามช่วยเหลือ แก้ปัญหา และกลไกการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน (Coaching and Mentoring)
- กำหนดมาตรฐานด้านภาษาอังกฤษ สำหรับใช้เป็นเกณฑ์กำหนดคุณสมบัติของครู

3. ส่งเสริมการใช้ ICT และพัฒนานวัตกรรมการเรียนการสอน
- ผลิต/สรรหา e-Content แบบโต้ตอบ (Interactive) ด้วยเนื้อหาแบบ Content-based เพื่อช่วยครูที่ไม่ได้จบเอกภาษาอังกฤษ
- ผลิต/สรรหา Learning App. แบบต่างๆ เช่น ฝึกออกเสียง บทสนทนาเรียนรู้ด้วยตนเอง และบทสนทนาที่เรียนรู้เพื่ออาชีพ
- อบรมและส่งเสริมการใช้ ICT ศึกษาวิธีการสอนและเนื้อหาต่างๆ จากเว็บไซต์

 4. ขยายโครงการพิเศษ
- ขยายโครงการพิเศษต่างๆ ได้แก่ 1) English Program (EP), 2) Mini English Program (MEP), 3) International Program (IP) สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถทางวิชาการสูง 4) English Bilingual Education (EBE) ด้วยการสอนภาษาอังกฤษผ่านวิชาวิทยาศาสตร์ สังคมศึกษาและศิลปศึกษาสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษา และ 5) English for Integrated Studies (EIS) ด้วยการสอนวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา
- พัฒนาห้องเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ (Enrichment Class)
- พัฒนาห้องเรียนสนทนาภาษาอังกฤษ (Conversation Class)
- พัฒนาหลักสูตรและห้องเรียนภาษาอังกฤษแบบเข้มเพื่ออาชีพ สำหรับนักเรียนที่กำลังจะจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

5. สอบวัดระดับความรู้ความสามารถภาษาอังกฤษตามมาตรฐานสากล
- เทียบกรอบมาตรฐาน CEFR (Common European Framework of Reference) เพื่อวัดความรู้ความสามารถครูและนักเรียน
- บริการข้อสอบวัดความรู้รายเดือนสำหรับครูและนักเรียนทางเว็บไซต์

6. เพิ่มเวลาเรียน
- เพิ่มชั่วโมงเรียนจาก 40 ชม. เป็น 120 ชม.ต่อปี (ป.1-ม.3 และเพิ่มขึ้นในระดับ ม.ปลาย) ตามโครงสร้างเวลาของหลักสูตรที่จะออกใหม่
- ออกแบบการบ้านแบบสร้างสรรค์ให้นักเรียนทำนอกเวลา
- จัดค่ายภาษาอังกฤษแบบเข้ม ระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ (84-130 ชม.) ในช่วงปิดภาคเรียน

7. จัดกลไกขับเคลื่อนที่เข้มงวดและคอยช่วยเหลือสนับสนุน
- พัฒนา Teaching Mobile Unit ประจำศูนย์ PEER (Primary English Education Resource)
- พัฒนากลไกการพัฒนาวิชาการด้วยชุมชนการเรียนรู้เพื่อพัฒนาวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) อย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
- พัฒนาระบบ Coaching ประจำโรงเรียน เพื่อเป็นกลไกคอยช่วยเหลือครู ให้คำแนะนำ ติดตามสอดส่องปัญหา และนำการแก้ไข

ที่มา : http://www.moe.go.th/websm/2013/dec/422.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น